Skip to content Skip to footer

ชีวิตผมหักเหมากสุดก็ตอนอยู่ ม.3 ตอนนั้นผมเล่นกีฬาเก่งมาก วิ่งได้สถิติดี 100 เมตร วิ่งได้เวลา 10.52 วิ ผมถูกส่งตัวไปคัดที่เขตการศึกษา 9 ไต่ระดับไปแข่งเขต 4 ได้ที่ 1 เขาก็ส่งตัวผมไปคัดทีมชาติ

ตอนนั้นเราเป็น ด.ญ.น่ะ เรามั่นใจตัวเองที่สุด ผมไปคัดตัว ผมก็ได้ที่หนึ่ง แล้วมาหักเหคือผมโดนประท้วง เพราะร่างกายผมดูเหมือนผู้ชายไปหมด เขาพาผมไปตรวจ ผลออกมาเป็น XY เป็นชายร้อยเปอร์เซ็นต์

ตอนแรกนี่ผมตั้งใจว่าผมต้องติดทีมชาติให้ได้ เป็นความหวังน่ะ แต่ตอนนั้นชีวิตเปลี่ยนเลย เฮ้ย แล้วกูเป็นตัวเหี้ยอะไรวะ เขาแจ้งเกิดกูมาเป็นเด็กหญิงนี่ แล้วทำไมต้องยืนยันให้เราเป็นผู้ชาย เราไม่ได้รับสิทธิของเราน่ะ หักเหมาจากทีมชาติ ทุกอย่างนี่ทำให้ผมฝันสลายไปหมด แล้วกูต้องเดินไปทางไหน กรอบหญิงก็เป็นไม่ได้ กรอบชายก็เป็นไม่ได้ แล้วกูอยู่จุดไหนของสังคม ทำไมต้องมาตีหน้าว่าเราเป็นตัวประหลาดด้วย

ตั้งแต่นั้นมา ผมจะหลบผู้คนเลย ผมไม่กล้าสู้หน้าใครเลย ผมต้องออกจากบ้าน พ่อแม่ส่งได้แค่ ม.3 ผมก็หางาน ส่งตัวเองจนจบ ปวส. และเปลี่ยนที่อยู่บ่อยมาก ถ้าใครรู้ว่าเป็นนางสาว สายตาเขาจะมองเหมือนผมเป็นตัวประหลาด และมีคำถาม เฮ้ย มึงมีสองเพศจริงเหรอ ขอดูหน่อยซิ จากคนที่เคยเป็นเพื่อนกัน เขาเคยรับรู้ว่าเราเป็นชาย พอรู้ว่าเราเป็นหญิงปั๊บ…หายไปหมด ไม่เข้ามาทักมาทาย บอกตรงๆ ว่าแย่

จากความตั้งใจที่เราอยากทำอะไรสักอย่าง แต่ถูกสังคมกีดกันแบบนี้… มันก็เลยทำให้ผมเป็นอย่างงี้

ยิ่งมาเจอคนที่เรารักที่สุด ที่เข้าใจเราที่สุด อยู่กันมา 13-14 ปี แล้วจู่ๆ เขาหนีเราไป สาเหตุอะไร เขาไม่บอกเราสักคำ เราจะได้ปรับปรุงตัว รู้สึกชีวิตไร้ค่า นี่แหละเลยทำให้ผมต้องเข้ามาอยู่ในนี้

ผมโทษตัวเองมาตลอด ว่าทำไมกูต้องเกิดมาด้วยวะ ทำไมต้องเป็นตัวประหลาดในสังคมด้วยวะ

คำถาม : รู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ชายตอนไหน?

“ตั้งแต่เด็กเลยล่ะครับ พอขึ้นมัธยม ผมจะไม่ใส่กระโปรง ผมจะใส่แต่กางเกงพละตลอด แล้วก็ถูกเพื่อนล้อเลียนอยู่นั่นแหละ ที่ผมเจ็บมากที่สุด ภาษาอีสานเขาเรียก “ไอ้หำแบ่ง” มันเป็นคำเจ็บปวดน่ะ การล้ออะ ที่เจ็บปวดมากกว่าคือ แม่ตัวเองยังว่าให้เจ็บ มึงเกิดมาไม่เหมือนชาวบ้านเค้า มึงเกิดมาทำไม ทำไมต้องใช้คำนี้กับผมอะ ไม่คิดเหรอว่าผมก็ไม่ได้อยากเกิดมาแบบนี้ ตั้งแต่นั้นมา ผมออกจากบ้านก็ไม่คิดอยากกลับบ้านเลย ใครไม่ยืนจุดนี้ไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บขนาดไหน” (เสียงสั่นเครือ แผ่วเบา)

“อยู่ในเรือนจำ ผมถูกกักบริเวณนะ ตอนนอนน่ะ มันทำให้ผมสงสัย…อะไรวะ เขาให้ผมนอนกับคนท้อง เหมือนเขากลัวว่าผมจะทำมิดีมิร้ายกับผู้ต้องขังหญิงคนอื่น ถ้าห้องคนท้องคนเต็ม นั่นน่ะ ย้ายผมไปนอนกับคนป่วย ผมก็งง ทำไมอะ”

การถ่ายทอดความเจ็บปวดทั้งทางกายและทางใจผ่าน Body paint ของหนุ่มอินเทอร์เซ็กส์คนนี้

“เกลียดสายตาคนอื่นที่มองเราเป็นตัวประหลาด”
“เกลียดตัวเองที่เกิดมาเป็นแบบนี้”

พรีส วิทยากรรับเชิญ อธิบายถึงอินเทอร์เซ็กส์ว่า

“ในตอนเกิด หมอจะกำหนดให้เราเป็นชายหรือหญิง ด้วยการดูความยาวของจู๋ หรือในผู้หญิงเรียก คลิตอริส ถ้ายาวไม่พอ เขาจะให้เป็นเพศหญิง ถ้ายาวเกินกว่า 2.5 เซนติเมตร จะเป็นเพศชาย แต่ถ้าสั้นกว่าสองเซนครึ่ง แต่ไม่สั้นเกินไป เขาจะให้เป็นคนที่มีอวัยวะเพศกำกวมที่เรียกว่า อินเทอร์เซ็กส์ เขากำหนดแค่นี้เอง”

“ทุกๆ คนตอนที่เป็นตัวอ่อนอยู่ในท้องเป็นอินเทอร์เซ็กส์นะ แต่พัฒนาการของคนที่จะเป็นชายหรือจะเป็นหญิง จะชัดในช่วง 5-6 เดือน คือจะเห็นอวัยวะเพศ ส่วนอินเทอร์เซ็กส์จะคล้ายๆ หนอนที่จะต้องกินใบไม้ เป็นหนอน ถักดักแด้เพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงเป็นผีเสื้อ คือเราพัฒนาการข้างนอกท้อง (หลังคลอด) เพื่อที่จะเป็นเพศที่ชัดเจนอีกครั้งนึงที่แตกต่างจากคนอื่น มันเป็นธรรมชาติของอินเทอร์เซ็กส์ ในคน 10,000 คน จะมี 1 คนที่เป็นอินเทอร์เซ็กส์ ก็ไม่น้อยนะคะ”

มันมีความซับซ้อนของอินเทอร์เซ็กส์ ไม่ใช่แค่หมอมองและเห็นว่ามีสองเพศเท่านั้น ยังมีอีกมากมาย

หมอกำหนดเพศให้คุณเป็นเพศหญิงตอนแรก แต่ว่าคุณเติบโตมา มีลักษณะของความเป็นชาย มันไม่ใช่แค่มีสองเพศตอนที่เกิดเท่านั้น มันมีการเติบโตของอวัยวะ เหมือนแขนเรายาวออกมาในช่วงเข้าสู่วัยรุ่น เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์

ในต่างประเทศ ก็มีการเว้นว่างไว้ (ในใบเกิด) และให้เด็กเลือกว่าเป็นเพศอะไรตอนที่เขารับรู้ตัวตนเขาแล้ว นี่เป็นการช่วยอินเทอร์เซ็กส์ได้มากอย่างนึง เพราะเราไม่ถูกจำกัดว่า “คุณต้องเป็นผู้หญิง” หรือ “คุณต้องเป็นผู้ชาย”

#โลกนี้ไม่ได้มีแค่หญิงหรือชาย
#อินเทอร์เซ็กส์ก็คือธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์
#ต้องเปลี่ยนวิธีคิดของหมอต่อคนที่เป็นintersex

หมายเหตุ : ส่วนหนึ่งของโครงการ “ของขวัญของใจ: กระบวนการเรียนรู้สู่การเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนปล่อยแก่ผู้ต้องขังหญิง”
สัปดาห์ที่สี่ : เพศวิถีและความหลากหลายทางเพศ

สนับสนุนโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ)
#เรือนจำต้นแบบเชิงลึก#intersex

พรีส (ซ้ายสุด) วิทยากรรับเชิญ มาเล่าเรื่องอินเทอร์เซ็กส์ หรือเพศกำกวม และสร้างแรงบันดาลใจมากมายให้แก่หนุ่มอินเทอร์เซ็กส์ของกลุ่ม ช่วยให้เขารับรู้ว่า เขาไม่ใช่คนแปลกประหลาดอะไร มีคนเป็นอินเทอร์เซ็กส์มากมาย เพียงแต่ไม่เผยตัวออกมา

พรีสทิ้งท้ายว่า…
“สำหรับอินเทอร์เซ็กส์นะคะ สำหรับคนทั่วไปด้วย เราแค่ถูกหมอกำหนดว่าเราเป็นเพศอะไรตอนเราเกิดเท่านั้นเอง ทั้งๆ ที่พัฒนาการทางอวัยวะ หรือระบบต่างๆ ต่อมาเมื่อโตขึ้นมันอาจจะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่เขากำหนดมาตั้งแต่แรกก็ได้ พรีสว่าควรจะแก้ที่หมอ เพราะหมอเป็นคนกำหนดและสั่งให้ใครเป็นผู้หญิง สั่งให้ใครเป็นผู้ชาย”

#เป็นความคับแคบของกระบวนการทางการแพทย์

ที่มา: เพจเสียงจากผู้หญิงหลังกำแพง